จะใช้กลางแจ้ง หรือจะใช้ในร่ม(แต่ต้องมีพื้นที่นิดนึงนะครับ) ก็ใช้งานได้ ! มาดูกันเลยครับว่ามีรุ่นอะไรกันบ้าง

1. รุ่น Saber

พี่ใหญ่สุดของคาร์ม่าประเทศไทย ก็คือเจ้า Saber นี่แหละครับ เหมาะอย่างยิ่งกับผู้ใช้งานที่ต้องการวีลแชร์ไฟฟ้าสำหรับใช้งานด้านนอกแบบสมบุกสมบัน รุ่นนี้จะมี 2 โมเดลย่อยแตกออกมา ได้แก่ Saber และ Saber TR ครับ จุดเด่นของเจ้า TR คือ ที่นั่งจะสามารถปรับเอนแบบ Tilt-in-Space ได้นั่นเองครับ

จุดเด่น

•  ระบบกันสั่นสะเทือนแบบอิสระ (ISR)
• ดอกยางแบบปล่อยน้ำ
• ระบบควบคุมไฟ LED
• โครงสร้างโครงรถรับประกัน 5 ปี
• ราคา 135,000 บาท และ รุ่น Saber TR ราคา 155,000 บาท

สเปคเพิ่มเติม คลิก: https://www.karmamedical.com/th/featured_item/kp-45-5/

2. รุ่น Blazer

น้องรองจาก Saber แต่ความสามารถไม่เป็นรองใคร ! Blazer เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ชื่นชอบการทำกิจกรรมกลางแจ้ง รวมถึงทำกิจกรรมในที่ร่ม ด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่เกินไป จึงสะดวกต่อการใช้งานในที่ร่ม เจ้า Blazer แบ่งออกเป็น 2 โมเดลย่อยเช่นกันครับ ได้แก่ Blazer Captain และ Blazer Sling เจ้าสองตัวนี้ ต่างกันตรงที่เบาะนั่ง และพนักพิงศีรษะครับ ดูภาพความต่างของสองรุ่นนี้ได้ที่ด้านล่างนี้เลยครับ

จุดเด่น

• ความกว้างโดยรวมของ Blazer คือ 60 ซม.
• พนักพิงปรับเอนแบบแมนนวล
• ที่พักแขนแบบเปิดขึ้นได้
• ที่พักเท้าแบบสวิง และถอดออกได้
• ระบบไฟ LED
• ผ่านการทดสอบการชนตามมาตราฐานสากล ISO 7176-19
• โครงสร้างโครงรถรับประกัน 5 ปี
• รุ่น Blazer Captain ราคา 108,000 บาท และ รุ่น Blazer Sling ราคา 115,000 บาท

สเปคเพิ่มเติม คลิก: Blazer Captain https://www.karma.co.th/featured_item/kp-31/  และ Blazer Sling https://www.karmamedical.com/th/featured_item/kp-31t/

เพราะเราเชื่อมั่นว่า “เราจะนำเสนอรถเข็นวีลแชร์ และอุปกรณ์ช่วยเดินที่ “ลงตัว” ที่สุดแก่ผู้บริโภคบนพื้นฐานของ “กลยุทธ์สามด้าน” ซึ่งเหนือกว่าความต้องการขั้นพื้นฐานของผู้บริโภค ช่วยให้การใช้ชีวิตของเพื่อนๆ ที่เคลื่อนไหวไม่สะดวก มีความสมบูรณ์หลากหลาย” นี่ก็คือแกนของปรัชญาการดำเนินธุรกิจและพันธกิจองค์กรของคาร์ม่า

ติดตาม และรับข่าวสารอัพเดทกับทางคาร์ม่า โมบิลิตี้ร์ ได้ทาง
Facebook: Karma Wheelchair Thailand
Line OA: @karmamedicalthai

The post วีลแชร์ไฟฟ้าแบบกลางแจ้งรุ่นยอดนิยมจากคาร์ม่า ! first appeared on Karma Mobility Thailand.

ในตลาดมีรถเข็นวีลแชร์น้ำหนักเบามากมายหลายแบบหลายรุ่น  แต่รถเข็นวีลแชร์น้ำหนักเบาที่ใช้สำหรับเดินทางท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของ Karma คือรุ่นไหนบ้าง?  ไปดูตัวเลือกยอดนิยมของผู้ใช้งานรถเข็นวีลแชร์  ที่วางแผนจะใช้เพื่อการเดินทางท่องเที่ยวกันค่ะ

ไม่ว่าจะเป็นทริปวันเดียว หรือวางแผนจะเที่ยวรอบโลก เราก็มีบางอย่าง ให้คุณได้พร้อมกับการท่องเที่ยวทริปนี้ !

รถเข็นวีลแชร์น้ำหนักเบาเป็นพิเศษ แบบปรับเองได้

Ergo Lite น้ำหนักเพียง 8.6 กก. ซึ่งเหมาะสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวกับผู้สูงอายุที่ใช้งานรถเข็นวีลแชร์ Ergo Lite ยังได้รับการพิสูจน์ว่า เป็นที่นิยมอย่างสูงสุดในหมู่ลูกค้า Karma ด้วยบทวิจารณ์เชิงบวกหลายร้อยรายการใน Amazon รวมทั้งยังชนะรางวัลผู้ค้าปลีกของนิตยสาร Thiis ในปี 2020 รถเข็นวีลแชร์น้ำหนักเบาพิเศษนี้ สามารถพับเก็บได้ง่าย และสะดวกต่อการจัดเก็บในท้ายรถหรือที่บ้านเมื่อไม่ใช้งาน                            

Ergo Lite 2 มีตัวเลือกสำหรับล้อหลังขนาดใหญ่ หากผู้ใช้ต้องการที่จะขับเคลื่อนด้วยตัวเองเมื่ออยู่ข้างนอก อีกทั้งยังมาพร้อมกับที่พักเท้าแบบสวิงที่ถอดออกได้ ช่วยให้ผู้ใช้งานสะดวกในการเคลื่อนย้ายเข้า และออกจากเก้าอี้ได้อย่างปลอดภัยและง่ายดาย

Ergo Lite ได้รับการทดสอบการชนตามมาตรฐานความปลอดภัยสากล ISO 7176-19 ซึ่งหมายความว่า ขณะโดยสารบนพาหนะขนส่ง(สำหรับคนพิการ) เมื่อเกิดการชนกระแทกจากอุบัติเหตุโครงรถเข็นจะยังคงรูปตามมาตราฐานข้อกำหนด ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ไหน Ergo Lite จะเป็นเพื่อนเดินทางที่ดีของคุณ

รถเข็นวีลแชร์น้ำหนักเบาที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน

เลือกความสะดวกสบายได้ทุกวันเมื่อเดินทางด้วยรถเข็นวีลแชร์น้ำหนักเบาแบบแมนนวลของ S-Ergo

วีลแชร์แบบแมนนวลชุดนี้ประกอบด้วย S-Ergo 125 ที่มีที่พักแขนแบบพลิกกลับได้ และที่พักเท้าที่สามารถถอดออกได้ เพื่อการเคลื่อนย้ายรถเข็นที่สะดวกสบาย และปลอดภัย ตัวรถเข็นวีลแชร์ยังพับเก็บได้ ทำให้ S-Ergo 125 เป็นเพื่อนร่วมทางที่ดี จักเก็บง่ายเมื่อต้องออกเดินทาง

รถเข็นวีลแชร์แบบแมนนวลของ S-Ergo ทั้งหมดยังมาพร้อมที่นั่ง S-Ergo ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร

สิทธิบัตรที่นั่งโค้งเว้ารูปตัว S ด้วยโครงสร้างที่นั่งออกแบบให้โค้งรองรับกับช่วงสะโพก และลำตัว และบรรเทาแผลกดทับเมื่อต้องนั่งเป็นเวลานาน

ปรับเปลี่ยนได้ทุกที่

Flexx คือกลุ่มผลิตภัณฑ์รถเข็นวีลแชร์แบบปรับได้ของ KARMA สำหรับผู้ใช้ที่หลากหลาย Flexx มีอุปกรณ์เสริมมากมายที่สามารถใช้ได้ในระหว่างการพักฟื้นและเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย Flexx เป็นรถเข็นวีลแชร์ที่เหมาะสำหรับการเดินทางด้วยโครงรถที่น้ำหนักเบาและพับเก็บได้ ไม่เพียงแค่นี้ Flexx ยังสามารถปรับ เบาะหลัง ความสูง ความลึกของเบาะ และปรับล้อหลังได้ หากผู้ใช้จำเป็นต้องการปรับเปลี่ยนรถเข็นวีลแชร์ในขณะเดินทาง ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถทำได้บน Flexx

เพื่อนเดินทางราคาประหยัด

สำหรับตัวเลือกรถเข็นวีลแชร์สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวที่ราคาไม่แพงมาก สามารถเลือกใช้รุ่น Agile ได้ เพราะ Agile เป็นนวัตกรรมล่าสุดจาก SOMA Agile ซึ่งมีน้ำหนักเบา และทนทาน เหมาะสำหรับการเดินทางท่องเที่ยว! แถมล้อหลังยังถอดออกง่าย ช่วยให้การจัดเก็บนั้นง่าย และสะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ Agile ยังผ่านการทดสอบการชนตามมาตรฐานความปลอดภัยสากล ISO 7176-19 ขณะโดยสารบนพาหนะขนส่ง(สำหรับคนพิการ) เมื่อเกิดการชนกระแทกจากอุบัติเหตุโครงรถเข็นจะยังคงรูปตามมาตรฐานข้อกำหนด

อย่าลืมคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้ด้วย!

อย่าลืมคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้งาน ตลอดจนคุณสมบัติการใช้งานที่สะดวกสบายของรถเข็นวีลแชร์แบบแมนนวลด้วย! เพราะไม่ใช่ผู้ใช้ทุกคนที่จะเหมาะกับรถเข็นวีลแชร์ทุกตัว หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเลือกรถเข็นวีลแชร์รุ่นไหน คุณสามารถเข้าไปลองรถเข็นวีลแชร์ได้ที่ Karma โชว์รูม ก่อนออกเดินทางท่องเที่ยวได้ คุณอาจจะได้รถเข็นวีลแชร์ที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ

หากคุณกำลังเดินทางท่องเที่ยวกับผู้สูงอายุที่ใช้วีลแชร์ คุณสามารถอ่านบทความก่อนหน้าของเราได้ใน “เตรียมตัวให้พร้อม เมื่อต้องเที่ยวกับชาววัยเก๋า”

เพราะเราเชื่อมั่นว่า “เราจะนำเสนอรถเข็นวีลแชร์ และอุปกรณ์ช่วยเดินที่ “ลงตัว” ที่สุดแก่ผู้บริโภคบนพื้นฐานของ “กลยุทธ์สามด้าน” ซึ่งเหนือกว่าความต้องการขั้นพื้นฐานของผู้บริโภค ช่วยให้การใช้ชีวิตของเพื่อนๆ ที่เคลื่อนไหวไม่สะดวก มีความสมบูรณ์หลากหลาย” นี่ก็คือแกนของปรัชญาการดำเนินธุรกิจและพันธกิจองค์กรของคาร์ม่า

ติดตาม และรับข่าวสารอัพเดทกับทางคาร์ม่า โมบิลิตี้ร์ ได้ทาง
Facebook: Karma Wheelchair Thailand
Line OA: @karmamedicalthai

The post รถเข็น KARMA แบบแมนนวลน้ำหนักเบาที่ดีที่สุด สำหรับการเดินทางท่องเที่ยว first appeared on Karma Mobility Thailand.

จุดเด่น

จุดเด่น

เพราะเราเชื่อมั่นว่า “เราจะนำเสนอรถเข็นวีลแชร์ และอุปกรณ์ช่วยเดินที่ “ลงตัว” ที่สุดแก่ผู้บริโภคบนพื้นฐานของ “กลยุทธ์สามด้าน” ซึ่งเหนือกว่าความต้องการขั้นพื้นฐานของผู้บริโภค ช่วยให้การใช้ชีวิตของเพื่อนๆ ที่เคลื่อนไหวไม่สะดวก มีความสมบูรณ์หลากหลาย” นี่ก็คือแกนของปรัชญาการดำเนินธุรกิจและพันธกิจองค์กรของคาร์ม่า

ติดตาม และรับข่าวสารอัพเดทกับทางคาร์ม่า โมบิลิตี้ร์ ได้ทาง
Facebook: Karma Wheelchair Thailand
Line OA: @karmamedicalthai

The post วีลแชร์น้ำหนักเบา 4 รุ่นยอดนิยมจากคาร์ม่าประจำปี 2022 first appeared on Karma Mobility Thailand.

หน้าที่ของล้อหลังคือ สร้างการทรงตัวให้กับรถเข็นวีลแชร์ และยังช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถขับเคลื่อนวีลแชร์ได้ โดยผู้ใช้งานที่ต้องการขับเคลื่อนวีลแชร์ด้วยตัวเอง ผู้ใช้ต้องเลือกวีลแชร์ที่มีล้อหลังขนาดใหญ่ สิ่งนี้ จะทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกถึงอิสระ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบุคคลอื่นเพื่อไปไหนมาไหน โดยทั่วไปแล้ว ผู้ใช้วีลแชร์ประเภท active wheelchair มักจะเลือกล้อหลังที่มีขนาดใหญ่ เพื่อสะดวกต่อการผลักวีลแชร์ด้วยตัวเอง  

หากผู้ใช้งานวีลแชร์ มีคนคอยช่วยเข็น เช่น ผู้ดูแล หรือ คนในครอบครัวที่จะผลักรถเข็นจากด้านหลังให้ แบบนี้จะเหมาะกับวีลแชร์ที่มีล้อหลังขนาดเล็ก โดยทั่วไปแล้ว ผู้ใช้งานที่สูงอายุจะเลือกใช้รถเข็นผู้ป่วยที่มีล้อหลังขนาดเล็ก เนื่องจากจะทำให้รถเข็นมีน้ำหนักเบาขึ้น และเหมาะสำหรับการเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับ 

+ ข้อดีของล้อหลังขนาดใหญ่

เพราะเราเชื่อมั่นว่า “เราจะนำเสนอรถเข็นวีลแชร์ และอุปกรณ์ช่วยเดินที่ “ลงตัว” ที่สุดแก่ผู้บริโภคบนพื้นฐานของ “กลยุทธ์สามด้าน” ซึ่งเหนือกว่าความต้องการขั้นพื้นฐานของผู้บริโภค ช่วยให้การใช้ชีวิตของเพื่อนๆ ที่เคลื่อนไหวไม่สะดวก มีความสมบูรณ์หลากหลาย” นี่ก็คือแกนของปรัชญาการดำเนินธุรกิจและพันธกิจองค์กรของคาร์ม่า

ติดตาม และรับข่าวสารอัพเดทกับทางคาร์ม่า โมบิลิตี้ร์ ได้ทาง
Facebook: Karma Wheelchair Thailand
Line OA: @karmamedicalthai

The post ล้อหลังรถเข็นวีลแชร์ขนาดเล็ก กับ ขนาดใหญ่ แตกต่างกันอย่างไร ? first appeared on Karma Mobility Thailand.

สาเหตุหลักที่ทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ตะกั่วกรดสั้นลง คือ

การชาร์จที่น้อยเกินไป มากเกินไป หรือรวดเร็วจนเกินไป รวมไปถึงการไม่สนใจอุณหภูมิของแบตเตอรี่

อาจทำให้แบตเตอรี่หมดลงและไม่สามารถชาร์จใหม่ได้

ในบทความนี้เราได้รวบรวมสิ่งที่ควรทำ และไม่ควรทำในการดูแลรักษาแบตเตอรี่สำหรับวีลแชร์ไฟฟ้า :

1. ควรชาร์จแบตเตอรี่ทุกคืน !

ไม่ว่าคุณจะใช้แบตเตอรี่มากน้อยแค่ไหนในวันนั้น ก็ควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มทุกคืน

เพราะกฎทั่วไปของแบตเตอรี่ตะกั่วกรดคือ หากคุณเคยใช้ อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่หมดก่อนที่จะชาร์จ หากคุณรอจนกระทั่งแบตเตอรี่ใกล้หมด แล้วชาร์จ อายุการใช้งานของแบตเตอรี่จะลดลงอย่างมาก

2. อย่าขัดจังหวะการชาร์จ หรือชาร์จเร็วเกินไป

รอจนกว่าแบตเตอรี่จะชาร์จจนเต็มก่อนที่จะหยุดชาร์จ การชาร์จในขณะแบตเตอรีอยู่ในระดับต่ำเป็นประจำ

อาจทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ลดลงและเสียหายถาวร รวมไปถึงการชาร์จแบตเตอรี่ด้วยเครื่องชาร์จที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้แบตเตอรี่ชาร์จเร็วจนเกินไป และทำให้เกิดความเสียหายถาวรได้

3. ควรชาร์จแบตเตอรี่ทิ้งไว้ ถึงแม้คุณจะไม่ได้ใช้งานเป็นเวลาสองถึงสามวัน

หากแบตเตอรี่ของคุณขึ้นไฟสีเขียวและชาร์จเต็มแล้ว ควรถอดสายชาร์จออก และไม่ควรปล่อยให้แบตเตอรี่ชาร์จเป็นเวลานาน

4. ควรถอดแบตเตอรี่ออกหากคุณไม่ได้ใช้วีลแชร์ไฟฟ้าเป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์

ถอดสายที่เชื่อมต่อแบตเตอรี่ออก หากคุณไม่ได้วางแผนที่จะใช้วีลแชร์ไฟฟ้าเป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์ และควรตรวจสอบให้แน่ใจ ว่าได้ชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพราะหากปล่อยชาร์จเป็นเวลานาน อาจทำให้แบตเตอรี่เสียหายถาวรได้

5. ควรเก็บแบตเตอรี่ในอุณหภูมิที่ถูกต้อง

คุณสามารถดูคู่มือการใช้งาน เพื่อตรวจเช็คให้แน่ใจสำหรับอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับจัดเก็บแบตเตอรี่ในระยะสั้นและระยะยาว  หากจัดเก็บในอุณหภูมิที่ไม่ถูกต้อง เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้แบตเตอรี่อีกครั้ง จะทำให้แบตเตอรี่ชาร์จไม่เต็ม

6. ควรถอดอุปกรณ์ชาร์จผ่านขั้วต่อ ไม่ใช่สายเคเบิล และตรวจสอบขั้วชาร์จเป็นประจำ

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีใครเดินทับสายชาร์จ เพราะอาจทำให้ขั้วชาร์จและสายชาร์จเสียหายได้

การตรวจสอบการสึกกร่อนของแบตเตอรี่เป็นประจำจะช่วยยืดอายุของแบตเตอรี่ได้

หากมีร่องรอยการสึกกร่อน เพื่อความปลอดภัย สามารถติดต่อตัวแทนจำหน่าย Karma เพื่อทำความสะอาดขั้วชาร์จได้

7. ห้ามยืดสายชาร์จ

ห้ามยืดสายชาร์จขณะชาร์จรถเข็น การยืดสายชาร์จอาจทำให้เกิดไฟไหม้ หรือไฟฟ้าช็อตได้ ควรชาร์จโดยการปลั๊กเข้ากับเต้ารับบนผนังโดยตรง

บทสรุป

เพราะเราเชื่อมั่นว่า “เราจะนำเสนอรถเข็นวีลแชร์ และอุปกรณ์ช่วยเดินที่ “ลงตัว” ที่สุดแก่ผู้บริโภคบนพื้นฐานของ “กลยุทธ์สามด้าน” ซึ่งเหนือกว่าความต้องการขั้นพื้นฐานของผู้บริโภค ช่วยให้การใช้ชีวิตของเพื่อนๆ ที่เคลื่อนไหวไม่สะดวก มีความสมบูรณ์หลากหลาย” นี่ก็คือแกนของปรัชญาการดำเนินธุรกิจและพันธกิจองค์กรของคาร์ม่า

ติดตาม และรับข่าวสารอัพเดทกับทางคาร์ม่า โมบิลิตี้ร์ ได้ทาง 
Facebook: Karma Wheelchair Thailand
Line OA: @karmamedicalthai

The post สิ่งที่ควรทำ และไม่ควรทำในการดูแลรักษาแบตเตอรี่สำหรับวีลแชร์ไฟฟ้า first appeared on Karma Mobility Thailand.

“น้องคนขายคะ พี่ต้องการรถเข็นวีลแชร์ที่ถูกที่สุดหนึ่งคันค่ะ” ร้านค้าทั้งหมดที่ขายรถเข็นวีลแชร์ เคยได้ยินประโยคนี้กันอย่างแน่นอน เหตุผลที่คนส่วนใหญ่จะพูดแบบนี้ เพราะเขาคิดว่าสมาชิกในครอบครัวของเขา ต้องใช้รถเข็นวีลแชร์แทนการเดินในชีวิตประจำวัน และไม่จำเป็นต้องมีราคาที่สูงมาก…

จากนั้นฉันก็ซื้อเจ้าสิ่งนี้ให้คุณยาย และคุณยายก็… :

คุณจะเลือกซื้อรถเข็นวีลแชร์ได้อย่างไร ?

เราสามารถอธิบายได้ในประโยคเดียว: “ยิ่งมีฟังก์ชั่นมากเท่าไหร่ราคาก็ยิ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น”อย่างไรก็ตาม ยิ่งมีฟังก์ชั่นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจำเป็นต้องประเมินฟังก์ชั่นของรถเข็นวีลแชร์ที่เหมาะสมที่สุดตามสภาพร่างกายของผู้โดยสารเท่านั้น หากคุณซื้อในราคาที่ค่อนข้างถูก ไม่พอดีกับร่างกายผู้ใช้งาน หรือไม่มีการรับประกันสินค้า คุณอาจต้องใช้เวลา และเงินมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาที่ตามมา ด้านล่างนี้ เราจะแบ่งรถเข็นวีลแชร์ออกเป็น 5 ประเภท ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นภาพราคาของรถเข็นวีลแชร์มากขึ้น!

1. ฟังก์ชั่นพื้นฐาน สำหรับการเดินทางระยะสั้น ~ 5,000 บาท

2. รถเข็นวีลแชร์อลูมิเนียม 5,000 ~ 15,000 บาท

รถเข็นวีลแชร์อลูมิเนียม มีน้ำหนักเบากว่าแบบเหล็ก และสามารถพกพาได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่สามารถเดินได้ แต่เดินไม่ได้ไกลมาก และเดินได้ไม่มั่นคง รถเข็นวีลแชร์อลูมิเนียมทั่วไป มีราคาตั้งแต่ 5,000 ถึง 15,000 กุญแจสำคัญในการแตกต่างของราคาที่นอกเหนือไปจากแบรนด์ สิ่งที่สำคัญกว่าคือฟังก์ชั่น ดังต่อไปนี้:

– เบาะหลังพับเก็บได้หรือไม่? รถเข็นวีลแชร์มักจะมีลักษณะที่ขนาดใหญ่ ถ้าคุณไม่สามารถเก็บไว้ด้านหลังได้ ก็จะไม่สะดวกในเวลาที่ต้องออกไปข้างนอก พนักพิงหลังพับแบบที่มีที่กดเพียงครั้งเดียวก็สามารถพับเก็บได้ จะช่วยลดความสูงได้ประมาณ 25 ซม. เหมาะสำหรับการเก็บไว้ที่รถ หรือออกไปข้างนอก

– น้ำหนักเบาขนาดไหน? น้ำหนักรถเข็นวีลแชร์เบาขึ้นมากเท่าไหร่ผู้ดูแลก็จะพกพาได้ง่ายมากขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่ารถเข็นวีลแชร์น้ำหนักเบาย่อมมีราคาแพงกว่า! สำหรับทุกๆ กิโลกรัมของรถเข็นวีลแชร์ในท้องตลาด จะมีความแตกต่างกันประมาณ 4,000 บาท

– นั่งสบายขนาดไหน? เมื่อพูดถึงความสบาย ผู้ผลิตรถเข็นวีลแชร์หลายราย ได้แสดงความพยายามในการวิจัย และพัฒนาให้ตัวรถเข็นวีลแชร์มีความสบายมากที่สุด: (เบาะนั่งแบบรูปตัว S) ไปจนถึงเบาะนั่งแบบหนา … ความแตกต่างของราคาอยู่ที่ประมาณ 1,000 – 3,000 บาท ขอแนะนำ ให้ผู้ซื้อไปที่ร้าน เพื่อลองนั่งดูจริงๆ ถึงจะสัมผัสได้ถึงระดับความสบาย

– ความปลอดภัยในการใช้งานมีมากขนาดไหน? ตัวอย่างเช่น การนั่งรถเข็นวีลแชร์เพื่อทดสอบการชน แสดงถึงมาตรฐานการรับรองความปลอดภัยที่นอกเหนือไปจากที่มีคุณภาพสูงแล้ว แต่ยังช่วยสร้างความมั่นใจในการใช้งานรถเข็นวีลแชร์

3. รถเข็นวีลแชร์แบบถอดชิ้นส่วนได้ 7,000 ~ 20,000 บาท

รถเข็นวีลแชร์อลูมิเนียมที่มาพร้อมด้วยฟังก์ชั่นถอดชิ้นส่วนออกได้ อาทิ คุณสามารถคลายเกลียว หรือถอดที่พักแขน และที่พักเท้า เพื่อให้รถเข็นวีลแชร์อยู่ใกล้เตียง รวมถึงช่วยลดการกีดขวางของตัวรถเข็นวีลแชร์เอง ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้า และออกรถเข็นวีลแชร์ได้ปลอดภัยมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ป่วย หรือผู้ใช้งานที่ไม่สามารถเดินได้ แต่สามารถทรงตัวนั่งในรถเข็นวีลแชร์ได้ หรือผู้ใช้งานที่กล้ามเนื้อมือ และขาอ่อนแรง ที่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้อื่นในการเข้าออกรถเข็นวีลแชร์

รถเข็นวีลแชร์ประเภทนี้ มีราคาแพงกว่ารถเข็นวีลแชร์อลูมิเนียมทั่วไปประมาณ 3,000 ~ 6,000 บาท

4. ฟังก์ชั่นปรับเอน หรือ ปรับเอนนอน15,000 ~ 25,000 บาท

รถเข็นวีลแชร์อลูมืเนียม + ฟังก์ชั่นถอดชิ้นส่วนได้ + ฟังก์ชั่นปรับเอน หรือ ปรับนอนได้ ทั้งหมดนี้จึงกลายเป็น “รถเข็นวีลแชร์ปรับเอน หรือ ปรับเอนนอน !” ที่เรียกว่าฟังก์ชั่นนี้ว่าปรับเอน หรือปรับเอนนอน เพราะเป็นรถเข็นวีลแชร์ที่ผู้ป่วยสามารถปรับไปยังฟังก์ชั่นเอน หรือนอนได้ เพื่อผ่อนคลายระหว่างวันฟังก์ชั่นนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วย หรือผู้ใช้งานที่เดินไม่ได้ นั่งทรงตัวได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก และมีร่างกายช่วงบนที่ค่อนข้างอ่อนแรง

รถเข็นวีลแชร์ประเภทนี้ หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า รถเข็นวีลแชร์พนักพิงหลังสูง แบ่งออกเป็น 3 ประเภท: ประเภทปรับเอน ประเภทปรับเอนนอน และประเภท 2-in-1 ที่สามารถปรับเอน และปรับเอนนอนได้ในคันเดียว และแน่นอนว่าราคาก็สูงขึ้นตามฟังก์ชั่นที่มากขึ้นตาม

ผู้ป่วย หรือผู้ใช้งานสามารถเข้าใจการใช้งานของฟังก์ชั่นเหล่านี้ได้มากขึ้น ผ่านภาพ:

5. ฟังก์ชั่นปรับเอน และปรับเอนนอน (2-in-1) 25,000 ~ 70,000 บาท

รถเข็นวีลแชร์ประเภทนี้คือ “สุดยอดของรถเข็นวีลแชร์” ที่ผู้ใช้งานสามารถเอน หรือนอนได้อย่างสบาย เหมาะสำหรับผู้ป่วย หรือผู้ใช้งานที่ต้องการได้รับการพักผ่อนในรถเข็นวีลแชร์เป็นเวลานาน เพื่อบรรเทา และกระจายแรงกดทับ และเพื่อผ่อนคลาย

เพื่อเป็นการเตือนความจำ ราคาของรถเข็นวีลแชร์แบบ 2-in-1 นั้นแตกต่างกันมาก หากรถเข็นวีลแชร์ประเภทนี้ ไม่ได้รับประกันความแข็งแรงทนทาน และความปลอดภัยของโครงสร้างรถมักจะเกิดปัญหา หลังจากซื้อ และในไม่ช้ามันก็จะพังลง ซึ่งต้องเสียทั้งเวลา และเงินในการแก้ปัญหาเหล่านี้อีก

สำหรับหลายๆ ท่านที่กำลังมองหารถเข็นวีลแชร์ ให้กับสมาชิกในครอบครัวที่ท่านรัก แต่ยังไม่รู้ว่าจะใช้เกณฑ์อะไรในการเลือกซื้อ แบบไหนถึงจะดี แล้วรถวีลแชร์ราคาเท่าไรถึงจะเหมาะสม วันนี้เรามีคำตอบมาให้ท่านแล้ว

โดยทั่วไปแล้ว ราคารถวีลแชร์ ก็จะมีหลายระดับ ถ้าให้พูดแบบง่ายๆ เลยราคาวีลแชร์จะสูงขึ้นตามฟังก์ชั่นการใช้งานนั่นเอง โดยเราจะขอแบ่ง ราคาวีลแชร์เป็น 5 ประเภท เพื่อให้คุณเห็นภาพ และตัดสินใจง่ายขึ้นว่าวีลแชร์ราคาเท่าไรจะเหมาะสมที่สุด

• วีลแชร์ราคา ~ 5,000 บาท รถเข็นวีลฟังก์ชั่นพื้นฐานเหมาะสำหรับการใช้งานในระยะสั้น และไม่แนะนำให้นั่งเป็นเวลานาน
• วีลแชร์ราคา 5,000 ~ 15,000 บาท รถเข็นวีล แชร์อลูมิเนียมน้ำหนักเบา พกพาสะดวก เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่สามารถเดินได้ แต่เดินไม่ได้ไกลมาก และเดินได้ไม่มั่นคง
• วีลแชร์ราคา 7,000 ~ 20,000 บาท รถเข็นวีลแชร์แบบถอดชิ้นส่วนได้ มีความปลอดภัยมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ป่วย หรือผู้ใช้งานที่ไม่สามารถเดินได้ แต่สามารถทรงตัวนั่งในรถเข็นวีลแชร์ได้
• วีลแชร์ราคา 15,000 ~ 25,000 บาท รถเข็นวีลแชร์ที่ผู้ป่วยสามารถปรับไปยังฟังก์ชั่นเอน หรือนอนได้ เพื่อผ่อนคลายระหว่างวันฟังก์ชั่นนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วย หรือผู้ใช้งานที่เดินไม่ได้ นั่งทรงตัวได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก และมีร่างกายช่วงบนที่ค่อนข้างอ่อนแรง
• วีลแชร์ราคา 25,000 ~ 70,000 บาท รถเข็นวีลแชร์ประเภทนี้คือ “สุดยอดของรถเข็นวีลแชร์” ที่ผู้ใช้งานสามารถเอน หรือนอนได้อย่างสบาย เหมาะสำหรับผู้ป่วย หรือผู้ใช้งานที่ต้องการได้รับการพักผ่อนในรถเข็นวีลแชร์เป็นเวลานาน เพื่อบรรเทา และกระจายแรงกดทับ และเพื่อผ่อนคลาย

The post ควรซื้อรถเข็นวีลแชร์ราคาเท่าไหร่ดี ? (ภาพที่จะทำให้คุณเข้าใจราคารถเข็นวีลแชร์มากขึ้น) first appeared on Karma Mobility Thailand.

โดยปกติแล้ว รถเข็นวีลแชร์พับได้จะถูกออกแบบมาให้เป็นตัวช่วยในการเดินทาง ไม่ว่าจะมีผู้ดูแล หรือไม่มีก็ตาม ซึ่งในยุคปัจจุบันได้มีการเพิ่มคุณสมบัติต่างๆ เพื่อให้รองรับการใช้งานในทุกการออกแบบ ปัจจัยสำคัญเลยคือ ง่ายต่อการจัดเก็บด้วยขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก เพียงพับขึ้น สะดวกต่อการพกพา และอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ซึ่งในปัจจุบันรถเข็นวีลแชร์แบบพับได้ช่วยอำนวยความสะดวกได้มากยิ่งขึ้น เพราะสามารถทำการพับให้มีขนาดเล็กลง อีกทั้งยังง่ายต่อการประกอบ และถอดเก็บทำให้สามารถอำนวยความสะดวกในการเดินทาง และการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการใช้รถเข็นวีลแชร์แบบพับได้เพื่อใช้ในการเดินทาง

นอกจากนี้ การใช้รถเข็นวีลแชร์แบบพับได้ ยังสามารถพกพาไปยังที่ต่างๆ ได้ ด้วยคุณสมบัติที่สามารถพับเก็บ และพกพาได้สะดวก การเดินทางไกล หรือความจำเป็นที่จะต้องนำไปขึ้นเครื่องบินด้วยก็ไม่ใช้ปัญหาอีกต่อไป โดยเฉพาะช่วงเทศกาลหรือการเดินทางท่องเที่ยวร่วมกับครอบครัว

เนื่องจากรถเข็นวีลแชร์แบบพับได้ในแต่ละรุ่นจะมีข้อเด่น ข้อด้อยแตกต่างกันออกไป  เราสามารถแบ่งประเภทของรถเข็นวีลแชร์ตามคุณลักษณะของผู้ใช้งาน ดังนี้

ในกรณีผู้ป่วย และผู้สูงอายุ สามารถแบ่งแยกออกมาได้เป็น 2 ประเภทย่อย คือ

• ผู้ป่วย และผู้สูงอายุ ที่ยังสามารถเดิน และช่วยเหลือตัวเองได้ แน่นอนว่าผู้ป่วย และผู้สูงอายุในกลุ่มนี้ สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในเบื้องต้น รวมไปถึงการเคลื่อนที่รถเข็นวีลแชร์ด้วยเองไปยังสถานที่ต่างๆ โดยอาจจะไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น เพื่อการพักผ่อน หรือการทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยตัวเอง การเลือกรถเข็นวีลแชร์แบบพับได้ที่มีน้ำหนักเบา และใช้งานง่ายโดยที่คุณสมบัติ และขั้นตอนในการใช้งานต่างๆ ไม่ยุ่งยากมากนัก ทำให้ผู้ป่วย และผู้สูงอายุสามารถใช้งานได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถใช้งานได้ด้วยตัวเอง เพราะมีขั้นที่ที่ยุ่งยากจนเกินไป หรือพกพาลำบาก

• ผู้ป่วย และผู้สูงอายุ ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และต้องมีผู้ดูแลอยู่ด้วยเสมอ  การเลือกรถเข็นวีลแชร์สำหรับผู้สูงอายุในกลุ่มนี้ อาจต้องคำนึงถึงคุณสมบัติของตัวรถที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ดูแลด้วยเช่นกัน  อาทิเช่น อาจต้องเลือกรถเข็นวีลแชร์ที่มีน้ำหนักเบา ขนาดกระทัดรัด เพื่อให้ง่ายต่อการพกพา หรือ พาผู้สูงอายุไปยังที่ต่างๆนั่นเอง

ในกรณีผู้พิการ หรือผู้ใช้รถเข็นวีลแชร์ในกลุ่มนี้ ยังคงสามารถมีชีวิตประจำวันที่เป็นปกติได้ เช่น ถึงแม้ว่าขาของเขาใช้งานไม่ได้ แต่แขนของพวกเขายังสามารถใช้งานได้ดี ทำให้พวกเขาสามารถควบคุมตัวรถไปยังที่ต่างๆ ได้ เพราะการเดินทางในทุกๆ วัน คือการออกแรงเคลื่อนที่รถเข็นวีลแชร์ด้วยตัวเอง พวกเขาต้องใช้แรงเยอะ แน่นอนว่าการมีอุปกรณ์คู่ใจที่ดีคงหนีไม่พ้นรถเข็นวีลแชร์ที่มีน้ำหนักเบา รวมไปถึงโครงสร้างรถที่แข็งแรง และมีประสิทธิภาพ เนื่องจากพวกเขาเหล่านี้มีวิถีการดำเนินชีวิตเหมือนบุคคลธรรมดาทั่วไป ทั้งการใช้ขนส่งสาธารณะ การเดินทางสถานที่ต่างๆ  คุณสมบัติของรถเข็นวีลแชร์แบบพับได้ที่สามารถตอบโจทย์ให้กับกลุ่มผู้ใช้ในกลุ่มนี้

นอกจากจะต้องมีความกระทัดรัด เพื่อให้เกิดความคล่องตัวแล้ว ความแข็งแรง และทนทานของตัวรถจึงเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่สำคัญ เนื่องจากการใช้งานที่ต่อเนื่องในหลานสถานการณ์ ที่ทั้งการใช้งานยังสามารถพบเจอกับพื้นผิวที่ขรุขระ รวมไปถึงการเกิดแรงกระทบในการเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งอาจทำให้ตัวรถมีการเสื่อมสภาพเร็วกว่ารถเข็นวีลแชร์ที่ใช้ในบ้านนั่นเอง

ปัจจุบันรถเข็นวีลแชร์พับได้นั้นมีมากมายหลายแบรนด์  ตั้งแต่ราคาคุณภาพมาตราฐานไปจนถึงราคาที่หลากหลาย

แน่นอนว่าการเลือกรถเข็นวีลแชร์ที่ดีที่สุดอาจไม่ใช่แค่ราคาสูงเพียงอย่างเดียว แต่รถเข็นวีลแชร์ที่ดีที่สุดคือ รถเข็นวีลแชร์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน และผู้ดูแลได้มากที่สุดนั่นเอง

*บทความนี้ ทางทีมงานคาร์ม่าฯ ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจากเว็บไซต์ About Wheelchair ให้สามารถนำมาลงบทความได้*

The post โปรดอ่านบทความนี้…ก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อรถเข็นวีลแชร์แบบพับได้ ! first appeared on Karma Mobility Thailand.

หลายๆคนอาจมองว่า รถเข็นวีลแชร์อาจผลิตมาเพื่อให้ผู้พิการใช้งานเท่านั้น แต่ความเป็นจริงแล้ว รถเข็นวีลแชร์เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ ที่คนหลากหลายประเภทมองหาเพื่อใช้งาน เช่น

• กลุ่มคนที่ใช้งานระยะสั้น – อาจจะเป็นกลุ่มคนที่ประสบอุบัติเหตุ ผู้หญิงตั้งท้องในระยะใกล้คลอด ที่มีความต้องการใช้งานรถเข็นวีลแชร์ชั่วคราว เมื่อเสร็จสิ้นการใช้งานแล้ว อาจนำไปบริจาค หรือมอบให้ผู้อื่นใช้ต่อ

• กลุ่มคนที่ใช้งานระยะยาว – กลุ่มคนที่พิการแต่กำเนิด หรือกลุ่มคนที่ประสบอุบัติเหตุ และจำเป็นต้องใช้รถเข็นวีลแชร์เพื่อดำเนินชีวิตประจำวันในระยะยาว

ฉะนั้น ก่อนที่เราจะตัดสินใจเลือกซื้อรถเข็นวีลแชร์มือสอง หรือรถเข็นวีลแชร์เก่าที่ผ่านการใช้งานมา นอกจากราคาถูกแล้ว สิ่งที่เราควรคำนึงในการเลือกซื้อรถเข็นวีลแชร์คือ ความสะอาด ปลอดภัยจากเชื้อโรคต่างๆ จากผู้ใช้งานก่อนหน้านี้ หรือสิ่งอื่นที่แถมมาโดยที่คุณมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น  และสภาพความสมบูรณ์ของรถเข็นวีลแชร์ นั่นหมายถึง คุณภาพที่ของการใช้งานได้ผลดี มีประสิทธิภาพเหมือนรถเข็นวีลแชร์มือหนึ่งหรือไม่? อายุการใช้งานนับจากวันที่ซื้อมา คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปไหม? รวมถึงผลกระทบที่ได้รับหลังการใช้งาน ว่าจะเกิดปัญหาใดๆ ตามมาหรือไม่?

ปัญหาใหญ่ของรถเข็นวีลแชร์มือสองที่ควรระวัง คือ โครงรถที่รองรับน้ำหนักของผู้นั่ง อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานได้ หากโครงรถไม่สามารถรองรับน้ำหนักผู้ใช้งานได้ หรือ แม้กระทั้ง ขนาดร่างกายของผู้ใช้งาน มีขนาดไม่พอดีกับรถเข็นวีลแชร์ หรือรถเข็นวีลแชร์ไม่รองรับการใช้งานตามสภาพร่างกายของผู้ใช้งาน เช่น ที่นั่งของรถเข็นวีลแชร์มีขนาดกว้าง ในขณะที่ผู้ใช้งานมีสะโพกค่อนข้างเล็ก เมื่อผู้ใช้งานนั่ง ก็จะเอนไปฝั่งใดฝั่งหนึ่ง เมื่อนั่งเป็นระยะเวลานาน และสะสมไปเรื่อยๆ ผู้ใช้งานอาจเกิดอาการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังได้ หรือ กระดูกสันหลังอาจคดง้อได้ เป็นต้น

ซึ่งจะแตกต่างจากรถเข็นวีลแชร์มือหนึ่ง ที่เราสามารถไว้วางใจได้ว่า รถเข็นวีลแชร์เหล่านั้นยังไม่ผ่านการใช้งานใดๆ วัสดุ หรือโครงสร้างต่างๆ ของรถเข็นวีลแชร์ก็จะยังคงแข็งแรง และที่สำคัญ สินค้ายังอยู่ในระยะการรับประกันอย่างแน่นอน ซึ่งช่วยให้เราสบายใจได้มากขึ้นเกี่ยวกับบริการหลังการขาย

ท้ายที่สุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นรถเข็นวีลแชร์มือหนึ่ง หรือ มือสอง การเลือกรถเข็นวีลแชร์ให้เหมาะกับผู้ใช้งาน และผู้ดูแล เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการตัดสินใจเลือกซื้อ แต่สิ่งที่สามารถการันตีได้ คือ คุณภาพของรถเข็นวีลแชร์มือหนึ่งย่อมได้เาปรียบ และสร้างความมั่นใจได้มากกว่ารถเข็นวีลแชร์มือสองอย่างแน่นอน

รถเข็นวีลแชร์ที่น่าสนใจ : รถเข็นวีลแชร์น้ำหนักเบาเป็นพิเศษ / รถเข็นวีลแชร์ปรับเอนนอนได้

*บทความนี้ ทางทีมงานคาร์ม่าฯ ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจากเว็บไซต์ About Wheelchair ให้สามารถนำมาลงบทความได้*

The post รถเข็นวีลแชร์มือหนึ่ง หรือ รถเข็นวีลแชร์มือสอง … แบบไหนกันที่คุ้มค่าราคาที่คุณจ่าย ? first appeared on Karma Mobility Thailand.

มาดู 3 เหตุผลหลักเหล่านี้ ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อรถเข็นวีลแชร์แบบพับได้

1. ง่ายต่อการพกพา

แน่นอนว่า หากคุณเลือกที่จะเสิร์ชหาคำว่า “รถเข็นผู้ป่วยพับได้ หรือ วีลแชร์พับได้” นั้นแปลว่า คุณต้องการหารถเข็นวีลแชร์ที่พกพาไปไหนมาไหนได้ ดังนั้น สิ่งที่จะช่วยให้การพกพาง่ายมากขึ้นนั้น รถเข็นวีลแชร์จะต้องมีน้ำหนักเบา และพับได้ สิ่งที่สำคัญมากพอๆ กับการพับได้คือ ต้องกางง่ายด้วย ! เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกต่อผู้ใช้งาน หรือผู้ดูแลที่ไม่ต้องเสียเวลานั่งประกอบทีละชิ้นส่วน หรือไม่ต้องใช้เครื่องมือช่วยประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ทั้งนี้ รถเข็นวีลแชร์แบบพับได้ ประเภทที่สามารถถอดชิ้นส่วนได้ ก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้ใช้งานเช่นกัน เมื่อท่านต้องการเก็บรถเข็นวีลแชร์ ท่านไม่ต้องใช้เครื่องมือติดตั้งใดๆ ทั้งสิ้นเพื่อถอดชิ้นส่วน เพียงแค่จับชิ้นส่วนนั้น หมุน หรือกดปุ่ม แล้วดึงออก เพียงเท่านี้ก็เป้นอันเสร็จสิ้นในการถอดชิ้นส่วนนั้น (ดูตัวอย่างได้ตามรูปข้างล่างนี้)

รถเข็นวีลแชร์รุ่นที่แนะนำ

• S-Ergo 106
• S-Ergo 205
• Ergo Lite 2

2. แข็งแรง ทนทาน แม้จะพับได้ก็ตาม

หลายๆ ท่านคงมีคำถามในใจว่า “หากรถเข็นวีลแชร์สามารถพับได้ มันจะบอบบางมั้ยนะ?” คำตอบคือ ไม่บอบบาง แต่แข็งแรง มั่นคงเสมือนรถเข็นวีลแชร์ทั่วไป เนื่องจากโครงใต้เบาะนั้น เป็นลักษณะโครงแบบคอร์สบาร์ ช่วยให้พับได้ และวัสดุของอลูมิเนียมที่คาร์ม่าเลือกใช้ เป็นอลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบา แต่ยังคงความแข็งแรง และทนทาน ผ่านการทดสอบแบบเสมือนจริงบนถนน โดยเป็นการทดสอบวิ่งบนผิวขรุขระ 100,000 – 200,000 รอบ และการกระแทก 6,666 ยิ่งไปกว่านั้น รถเข็นวีลแชร์ตระกูล S-Ergo ได้รับรองมาตรฐานผ่านการทดสอบขณะโดยสารบนพาหนะขนส่ง(สำหรับคนพิการ) ฯลฯ จึงมั่นใจได้ว่ารถเข็นวีลแชร์จากคาร์ม่า มีความแข็งแรง ทนทาน รองรับน้ำหนักผู้ใช้งานได้มากถึง 100 กิโลกรัม (ในบางรุ่น สามารถรองรับน้ำหนักผู้ใช้งานได้มากถึง 115 กิโลกรัม)

รถเข็นวีลแชร์รุ่นที่แนะนำ

• S-Ergo 125
• MVP 502
• VIP 515

3. นั่งสบายเข้ากับสรีระ แม้ว่าเบาะ หรือส่วนต่างๆ จะถูกพับมาก็ตาม

บางท่านอาจจะเกิดคำถามในใจว่า “ถ้าหากชิ้นส่วนถูกพับมา โดยเฉพาะเบาะ เมื่อกางออก เบาะอาจเสียรูป ทำให้นั่งไม่สบายหรือเปล่า?” ด้วยคุณภาพของเบาะที่คาร์ม่าเลือกใช้ ทำให้ท่านมั่นใจได้ว่า เมื่อทำการพับเก็บวีลแชร์ และกางออกมาเพื่อใช้งาน เบาะยังคงรูปเดิม รองรับ และเช้ากับสรีระของผู้ใช้งาน รวมถึงส่วนอื่นๆ อาทิเช่น ที่พักแขน ก็ยังคงรูปเดิม ไม่เกิดผลกระทบใดๆ จากการพับเก็บ

รถเข็นวีลแชร์รุ่นที่แนะนำ

• SOMA 215 (SM-250.5)
• SOMA 105 (SM-150.5)
• SOMA 150.3

ทั้ง 3 เหตุผลหลักนี้ เป็นเพียงแค่ส่วนหนี่งที่ช่วยให้ท่านตัดสินใจเลือกรถเข็นวีลแชร์แบบพับได้ง่ายมากขึ้น

แต่หากท่านต้องการใช้ปัจจัยอื่นในการเลือกเพิ่มเติม ผู้เขียนขอแนะนำบทความ “[แนะนำรถเข็นวีลแชร์] เข้าใจรถเข็นวีลแชร์…ง่ายนิดเดียว” เพิ่มเติม เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ซื้อ ตัดสินใจเลือกรถเข็นวีลแชร์ที่ใช่ ได้ง่ายมากขึ้น

The post 3 เหตุผลที่คุณควรเลือกรถเข็นวีลแชร์แบบพับได้ first appeared on Karma Mobility Thailand.

เราขอแนะนำเคล็ดลับการเลือกรถเข็นวีลแชร์ที่มีคุณภาพ และราคาสมเหตุสมผลเพื่อคนที่คุณรัก

เมื่อพูดถึงรถเข็นวีลแชร์แบบพับได้แล้ว หลายๆ ครั้ง คุณอาจเกิดคำถามในใจว่า “วีลแชร์แบบพับได้จะแข็งแรงมั้ยนะ?” “ผู้ใช้งานแบบไหนถึงจะเหมาะกับรถเข็นวีลแชร์แบบพับได้?” หรือเกิดคำถามอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อให้คุณเห็นภาพ และเข้าใจมากขึ้น เราจะแบ่งรถเข็นวีลแชร์แบบพับได้นั้นตามประเภทการใช้งานเป็น 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่

1. รถเข็นวีลแชร์แบบพับได้ สำหรับการจัดเก็บในพื้นที่บริเวณจำกัด

2. รถเข็นวีลแชร์แบบได้ สำหรับการพกพาโดยเก็บไว้ที่รถ

3. รถเข็นวีลแชร์แบบพับได้ ชนิดน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ

แม้รถเข็นวีลแชร์แบบพับได้ทั้ง 3 ประเภทข้างต้นนี้ อาจดูเหมือนว่าฟังก์ชั่นเหล่านั้นมีความใกล้เคียงกัน แต่จริงๆ แล้ว ยังมีความต่างกันอยู่พอสมควร

มาเริ่มกันที่…

รถเข็นวีลแชร์แบบพับได้ สำหรับการจัดเก็บในพื้นที่บริเวณจำกัด

รถเข็นวีลแชร์ประเภทนี้ เน้นการใช้งานเพื่อพับเก็บได้เนื่องจากมีพื้นที่ใช้สอย หรือบริเวณที่จำกัด ดังนั้น น้ำหนักของรถเข็นวีลแชร์อาจไม่ใช่ปัจจัยสำคัญเท่ากับฟังก์ชั่นที่สามารถพับเก็บได้ และฟังก์ชั่นอื่นๆ ที่เหมาะกับผู้ใช้งาน เช่น ฟังก์ชั่นปรับระดับหลังได้ 3 ระดับ ฟังก์ชั่นที่พักเท้าแบบสวิงถอดเข้าออกได้ เป็นต้น

รถเข็นวีลแชร์รุ่นที่แนะนำ

CHM-100

KM-1500

ECON 800

S-Ergo 125

S-Ergo 106

รถเข็นวีลแชร์แบบพับได้ สำหรับการพกพาโดยเก็บไว้ที่รถ

รถเข็นวีลแชร์ประเภทนี้ มีจุดประสงค์หลักคือไว้ใช้พกพา และเก็บไว้ในรถได้ ดังนั้น ต้องเลือกรถเข็นวีลแชร์ที่มีน้ำหนักเบา และขนาดกะทัดรัด แต่ยังคงความแข็งแรงในการใช้งาน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ดูแล และผู้ใช้งาน

รถเข็นวีลแชร์รุ่นที่แนะนำ

SOMA SM-150.3

SOMA 105 (SM-150.5)

KM-2500/ KM-2500L

S-Ergo 205

รถเข็นวีลแชร์แบบพับได้ ชนิดน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ

เหมาะสำหรับผู้ดูแลที่เป็นผู้สูงวัย ผู้หญิง หรือคนที่ร่างกายไม่สูงใหญ่มาก เพื่อสะดวกต่อการดูแลทั้งผู้ใช้งาน และตัวผู้ดูแลเอง แม้ว่ารถเข็นวีลแชร์ประเภทนี้จะมีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ แต่หากโครงรถมีลักษณะแบบคอร์สบาร์ ความแข็งแรง และทนทานของรถเข็นวีลแชร์ประเภทนี้กลับไม่เป็นรองใคร เพราะโครงรถแบบคอร์สบาร์ จะช่วยรองรับน้ำหนักผู้นั่งได้อย่างมั่นคง แข็งแรง และทนทาน

รถเข็นวีลแชร์รุ่นที่แนะนำ

Ergo Lite

Ergo Lite 2

SOMA 215 (SM-250.5)

สำหรับช่วงราคาของรถเข็นวีลแชร์ทั้ง 3 ประเภทนี้ หากสรุปโดยการประมาณนั้น ช่วงราคาที่น้อยที่สุด จะเป็นรถเข็นวีลแชร์แบบพับได้ สำหรับการจัดเก็บในพื้นที่บริเวณจำกัดประเภทโครงรถแบบเหล็ก โดยช่วงราคาของรถเข็นวีลแชร์โครงเหล็กแบบพับได้ อยู่ที่ประมาณ 3,000 – 4,000 บาท และราคาจะเริ่มเพิ่มขึ้นตามวัสดุของโครงรถที่เบาขึ้นอย่างอลูมิเนียม และหากรถเข็นวีลแชร์มีฟังก์ชั่นที่เพียบพร้อมมากยิ่งขึ้นเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งาน ราคาของรถเข็นวีลแชร์ก็ยิ่งปรับสูงขึ้นตาม โดยช่วงราคาของรถเข็นวีลแชร์โครงอลูมิเนียมแบบพับได้ อยู่ที่ประมาณ 8,000 – 17,000 บาท และช่วงราคาของรถเข็นวีลแชร์โครงอลูมิเนียมแบบพับได้ ที่มีคุณสมบัติน้ำหนักเบา และเบาเป็นพิเศษ อยู่ที่ประมาณ 6,000 – 16,000 บาท (ราคาของแต่ละรุ่น ขึ้นอยู่กับฟังก์ชั่นที่แตกต่างกัน)

เพราะฉะนั้นแล้ว “การซื้อรถเข็นวีลแชร์ที่ราคาสมเหตุสมผล คือการที่เราเลือกซื้อรถเข็นวีลแชร์ที่เหมาะกับผู้ใช้งาน และผู้ดูแลมากที่สุด” เพื่อป้องกันการเกิดอาการบาดเจ็บทั้งผู้ใช้งาน และผู้ดูแล ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นมา ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาผู้ใช้งาน หรือแม้กระทั้งผู้ดูแล อาจจะเป็นการจ่ายเงินที่มากกว่าการจ่ายเพื่อซื้อรถเข็นวีลแชร์ดีๆ สักคัน

ติดตาม และรับข่าวสารอัพเดทกับทางคาร์ม่า โมบิลิตี้ร์ ได้ทาง 

Facebook: Karma Wheelchair Thailand   

Line OA: @karmamedicalthai

The post เคล็ดลับ! เลือกรถเข็นวีลแชร์ที่มีคุณภาพ และราคาสมเหตุสมผลเพื่อคนที่คุณรัก first appeared on Karma Mobility Thailand.