คนส่วนใหญ่ในประเทศไทยอาจไม่คุ้นกับปัญหาแผลกดทับหรือแผลเบดซอร์ (Bedsores) เท่าไรนัก แต่สำหรับผู้ที่ใช้วีลแชร์ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่มีข้อจำกัดทางการเคลื่อนไหว การอยู่ในท่าเดิมนานๆ จะทำให้เกิดแรงกดบริเวณเดิมซ้ำๆ จนผิวหนังแดง อักเสบ และขาดออกซิเจนได้
การเลือกใช้วีลแชร์ที่สามารถปรับท่านั่งหรือเอนตัวได้ จึงเป็นทางเลือกที่ออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดแผลกดทับ เพราะการปรับเอนช่วยเปลี่ยนจุดศูนย์ถ่วงของร่างกาย และลดแรงกดบนบางจุดของร่างกายที่รับน้ำหนักซ้ำๆ เป็นเวลานาน
1. วีลแชร์แบบปรับเอน (Reclining Wheelchair)
วีลแชร์ประเภทนี้สามารถปรับจากท่านั่งเป็นท่าเอนนอนได้ใกล้เคียงกับท่านอนราบ ช่วยลดแรงกดบริเวณก้น และให้ผู้ใช้นั่งพักในท่าที่สบายขึ้น
อย่างไรก็ตาม วีลแชร์แบบนี้มักเจอปัญหา “การไถลตัว” อยู่บ่อยครั้ง ทุกครั้งที่เอนหลังหรือปรับกลับมาในท่านั่ง ผู้ใช้อาจไถลหลังไปมากับพนักพิง ซึ่งอาจก่อให้เกิดการเสียดสีและนำไปสู่การเกิดแผลที่ผิวหนังได้
หนึ่งในวีลแชร์แบบเอนหลังที่ขายดี คือ Karma รุ่น MVP 502 ซึ่งมีการออกแบบป้องกันการไถล โดยพนักพิงจะเอียงลง 20 องศา ช่วยลดการไถลตัวไปข้างหน้ าและลดแรงกดจุดเดียวได้ดีมาก ส่งผลให้ลดการเสียดสีที่แผ่นหลังของผู้ใช้ และช่วยลดภาระของผู้ดูแลในการจัดท่าผู้ใช้อยู่บ่อยๆ
MVP 502 เป็นวีลแชร์แบบเอนหลังรุ่นเดียวในตลาดที่มีระบบป้องกันการไถลตัว
2. วีลแชร์แบบปรับเอนทั้งตัว (Tilt-in-Space Wheelchair)
จุดแตกต่างหลักของวีลแชร์แบบนี้กับแบบปรับเอนคือ วีลแชร์แบบเอนจะปรับ “ท่าของร่างกาย” แต่แบบ Tilt-in-Space จะไม่เปลี่ยนท่าร่างกายของผู้ใช้ โดยจะเอียงตัวเบาะนั่งทั้งชุดไปด้านหลังแทน
ข้อดีของการเอนแบบ Tilt-in-Space คือแรงกดจะถูกกระจายจากสะโพกไปยังพื้นที่ที่กว้างขึ้น ทำให้ไม่ต้องปรับท่าผู้ใช้นั่งใหม่บ่อยๆ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดแผลกดทับ และช่วยลดอาการปวดหลังได้อีกด้วย
หนึ่งในรุ่นที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยคือ Karma VIP 515 ซึ่งเป็นหนึ่งในวีลแชร์แบบ Tilt-in-Space ที่ “สามารถพับเก็บได้” เหมาะกับผู้สูงอายุที่ต้องออกไปข้างนอกบ่อย และยังต้องการความสบายและความมั่นคง
การเปลี่ยนท่านั่งได้บ่อยขึ้น จะช่วยลดโอกาสการเกิดแผลกดทับในบริเวณเดิม
หากคุณหรือคนที่คุณดูแลมีความเสี่ยงเรื่องแผลกดทับ หรือจำเป็นต้องนั่งวีลแชร์เป็นเวลานาน การเลือกวีลแชร์ที่สามารถปรับเอนได้ตามต้องการทั้งสองประเภทนี้ เป็นการลงทุนที่ช่วยทั้งในแง่สุขภาพ ความสบาย และลดภาระของผู้ดูแลได้อย่างมาก
เพราะเราเชื่อมั่นว่า “เราจะนำเสนอรถเข็นวีลแชร์ และอุปกรณ์ช่วยเดินที่ “ลงตัว” ที่สุดแก่ผู้บริโภคบนพื้นฐานของ “กลยุทธ์สามด้าน” ซึ่งเหนือกว่าความต้องการขั้นพื้นฐานของผู้บริโภค ช่วยให้การใช้ชีวิตของเพื่อนๆ ที่เคลื่อนไหวไม่สะดวก มีความสมบูรณ์หลากหลาย” นี่ก็คือแกนของปรัชญาการดำเนินธุรกิจและพันธกิจองค์กรของคาร์ม่า
ติดตาม และรับข่าวสารอัพเดทกับทางคาร์ม่า โมบิลิตี้ร์ ได้ทาง
Facebook: Karma Wheelchair Thailand
Line OA: @karmamedicalthai
